ทักษะด้าน “ภาษา” ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ในยุคดิจิทัลนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นในการเรียน การทำงาน หรือการทำธุรกิจ ต่างต้องใช้ภาษาเพื่อสื่อสารกันทั้งสิ้นโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ที่เป็นภาษากลางที่ใช้กันในระดับโลก แม้เราอาจจะเคยได้เรียนจากโรงเรียนมาบ้างแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนก็อยากพัฒนาภาษาอังกฤษให้แข็งแรงกว่าเดิม
แน่นอนว่าในยุคนี้ก็ต้องเรียนอังกฤษออนไลน์ ที่ทั้งรวดเร็ว สะดวก และเข้ากับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน แต่จะเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ไหนดี เรียนที่ไหนถึงตอบโจทย์? ในบทความนี้ AUA จะมาบอกเคล็ดลับในการเลือกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ตรงใจให้ได้รู้กัน
1. มาตรฐานของสถาบันและครูผู้สอน
ปัจจุบันมีสถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์เปิดให้บริการจำนวนมาก ดังนั้นข้อพิจารณาสำคัญข้อแรกที่ต้องใส่ใจเอาไว้ ก็คือ “มาตรฐาน” ของทั้งตัวสถาบันและครูผู้สอน ซึ่งอาจจะเริ่มต้นโดยการศึกษาประวัติความเป็นมา รวมไปถึงแนวทางการสอน และความเชี่ยวชาญของสถาบันนั้นๆ เช่น สถาบัน A อาจจะมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ออกแบบมาสำหรับวัยทำงาน ส่วนสถาบัน B อาจจะมีคอร์สที่เหมาะกับนักศึกษาที่ต้องการเรียนเพื่อไปสอบ IELTS หรือ TOEFL มากกว่า เป็นต้น
อีกทั้งเราควรตรวจสอบมาตรฐานของครูผู้สอนเพิ่มเติม โดยอาจพิจารณาจากข้อมูลเกี่ยวกับผู้สอนบนเว็บไซต์ของสถาบัน ข้อกำหนดคุณสมบัติผู้สอนของสถาบัน ไปจนถึง Testimonials หรือรีวิวของคนที่เคยเรียนมาก่อน ซึ่งสามารถค้นหาได้ง่ายๆ บนโซเชียลมีเดียหรือบนเว็บไซต์ของที่เรียนนั้นๆ สำหรับครูผู้สอนของ AUA เรามีกำหนดคุณสมบัติ ดังนี้
- มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับเดียวกับเจ้าของภาษา (Native Speaker)
- มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี (Bachelor Degree)
- มีประกาศนียบัตรรับรองความสามารถและมาตรฐานการสอนภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ (Teaching English as a Foreign Language: TEFL) ตามมาตรฐานสากล จากหลักสูตรรับรอง 120 ชั่วโมง แบบตัวต่อตัว (Face-To-Face) จาก องค์กรอย่าง SIT หรือ CELTA
นอกจากนี้ AUA ยังมีคอร์สเรียนอังกฤษกับครูต่างชาติ ที่เป็นเจ้าของภาษามาสอนเองกับมืออีกด้วย
2. ต้องมี “การสอบวัดระดับ” ก่อนเริ่มเรียน
แน่นอนว่าระดับทักษะภาษาอังกฤษของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน แม้ที่เรียนอังกฤษออนไลน์จะมีคอร์สเรียนที่มีคุณภาพ แต่หากไม่ได้อยู่ในระดับที่ตรงกับขีดความสามารถของผู้เรียน ก็อาจจะเป็นการเรียนติดๆ ขัดๆ นั่นเอง เช่น ถ้าให้คนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษลงไปเรียนคอร์สระดับธุรกิจ ก็อาจจะมีหลายจุดที่ทำให้สงสัยหรือไม่เข้าใจ ดังนั้นก่อนที่จะลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ก็ควรสำรวจก่อนว่าสถาบันนั้นๆ มีการสอบวัดระดับก่อนหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นทั้งการทดสอบทักษะการเขียน การอ่าน การฟัง หรือการพูด เพื่อประเมินว่าทักษะของเราอยู่ในระดับไหน แล้วคอร์สเรียนอังกฤษแบบไหนจะเหมาะสมที่สุด
3. รายละเอียดคอร์สเรียนตอบโจทย์หรือเปล่า?
ถือเป็นหนึ่งในคำถามสำคัญที่สุดก่อนจะลงเรียนภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้ ขึ้นอยู่กับว่าตัวเรานั้นมีจุดประสงค์อะไรในการเรียน อาทิ เรียนภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน เพื่อพัฒนาการเขียน หรือเรียนเพื่อเตรียมสอบวัดระดับ พอรู้แล้วว่าโจทย์ของเราคืออะไร ก็ควรโฟกัสไปที่รายละเอียดคอร์สภาษาอังกฤษของแต่ละสถาบัน ว่าสอดคล้องกับเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน
โดยรายละเอียดที่ว่าอาจจะเป็นตัวบทเรียน รูปแบบการสอน แบบทดสอบ รวมไปถึงครูผู้สอน เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้เรียนรู้เนื้อหาที่เหมาะสม ได้ทำแบบทดสอบตามระดับทักษะ และได้ความรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง
4. เรียนอังกฤษออนไลน์ผ่าน Video หรือ Live Stream?
คำถามต่อมาที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษคือ การเรียนอังกฤษออนไลน์ของสถาบันนั้นๆ เป็นรูปแบบไหน? จะเป็นการเรียนผ่านวิดีโอ ไลฟ์ หรือทั้งสองแบบผสมผสานกันไป? ทั้งนี้จะเลือกเรียนในลักษณะไหนก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และความสะดวก
- เรียนผ่านวิดีโอ – เป็นวิธีที่ทำให้ผู้เรียนสามารถเริ่มเรียนและทบทวนได้ตลอด 24 ชม. เรียนที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้ จึงเหมาะกับผู้ที่มีตารางเวลาที่ไม่แน่นอน ต้องการความยืดหยุ่น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน การเรียนผ่านวิดีโออาจเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ที่สุด
- เรียนผ่านไลฟ์ – การเรียนผ่าน Live Stream เป็นเสมือนการจำลองชั้นเรียน ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พูดคุยกับอาจารย์ผู้สอนได้ทันที และทำกิจกรรมการฝึกฝนเชิงสนทนา-โต้ตอบได้อีกด้วย แต่จะมีการกำหนดเวลาเรียนที่แน่นอน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีการวางตารางเวลาเอาไว้ชัดเจนนั่นเอง
5. ใบประกาศนียบัตร (Certificate)
ในการเลือกที่เรียนอังกฤษออนไลน์ต้องไม่พลาดที่จะลองดูด้วยว่าสถาบันนั้นมีการมอบประกาศนียบัตรหลังจบคอร์สด้วยหรือไม่ แม้จะไม่มีอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่นี่อาจเป็นเรื่องสำคัญของใครหลายๆ คน เพราะใบประกาศนียบัตรนั้นเป็นหลักฐานที่สามารถช่วยรับรองผลการเรียน สามารถนำไปยื่นให้กับสถาบันศึกษาเพื่อเข้าเรียนต่อ สำหรับวัยทำงาน ก็สามารถยื่นต่อองค์กรที่อยากเข้าทำงาน ขยายเส้นทางอาชีพและเปิดโอกาสใหม่ๆ ได้นั่นเอง
ใบประกาศนียบัตรภาษาอังกฤษที่ดี ควรสามารถนำเทียบกับคะแนน CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสากลที่ใช้อธิบายระดับความเชี่ยวชาญทางภาษาได้ อย่างใบ Certificate ของ AUA ที่จะมอบให้กับผู้เรียนในทุกระดับเมื่อจบคอร์สภาษาอังกฤษ
ทั้ง 5 ข้อที่ได้แนะนำมานี้ก็เป็นเคล็ดลับในการเลือกที่เรียนอังกฤษออนไลน์ ให้เหมาะสมกับความต้องการ และตอบโจทย์การเรียนได้นั่นเอง
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เรียน แต่ยังหาสถาบันที่ตอบโจทย์หรือคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ตรงใจไม่ได้สักที ขอแนะนำให้มาเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ AUA LANGUAGE CENTER เพราะเรามีคอร์สสอนภาษาอังกฤษคุณภาพ ที่ครอบคลุมทุกทักษะในการเรียนและการทำงาน สอนโดยผู้เชี่ยวชาญและครูเจ้าของภาษา หากสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่างได้เลย
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ AUA LANGUAGE CENTER
โรงเรียนสถานสอนภาษาสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา (AUA LANGUAGE CENTER) เปิดการเรียนการสอนหลากหลายหลักสูตร ใน 8 สาขาทั่วประเทศไทย มุ่งมั่นมอบโอกาสในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการเสริมทักษะพื้นฐาน เรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรง เรียนเพื่อสอบ IELTS หรือจะเป็นวัยทำงานที่ต้องการเปิดโอกาสด้านอาชีพหรือยกระดับภาษาอังกฤษในการทำงาน เรามีหลักสูตรมากมาย เปิดการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียน (Onsite) และออนไลน์ (Online) ภายใต้มาตรฐานการสอนและบุคลากรที่มีคุณภาพ มอบแนวทางการเรียนรู้ที่หลากหลาย ยืดหยุ่น พร้อมต่อยอดและใช้งานได้จริง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.auathailand.org
หากสนใจคอร์สเรียนภาษาอังกฤษจาก AUA LANGUAGE CENTER หรือมีคำถามเพิ่ม สามารถติดต่อได้ทาง
เว็บไซต์: www.auathailand.org/contactus
โทร: 02-114-7625
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับทางสถานสอนภาษา เอยูเอ ตามช่องทางสื่อสังคมออนไลน์
Facebook: AUA Language Center
Instagram: aualanguagecenter
LINE OA: @aualc