ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีความซับซ้อนและน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกาล (Tense) ซึ่งใช้บ่งบอกเวลาของการกระทำหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยหนึ่งในกาลที่สำคัญและมีการใช้งานบ่อยในชีวิตประจำวันคือ Future Tense หรือกาลอนาคต ที่มีหลายรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
Future Tense คืออะไร ?
Future Tense หมายถึง กาลที่ใช้ในการพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีหลากหลาย Tense ที่ใช้แตกต่างกันไปตามความหมายที่ต้องการสื่อสาร ดังนี้
1. Future Simple Tense
Future Simple Tense คือ กาลอนาคตที่ใช้พูดถึงการตัดสินใจทันทีทันใด การคาดการณ์ หรือเหตุการณ์ทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- โครงสร้าง: Subject + will/shall + V.1
- ตัวอย่าง:
- They will travel to Europe next year. (พวกเขาจะเดินทางไปยุโรปปีหน้า)
- He will graduate next month. (เขาจะจบการศึกษาในเดือนหน้า)
2. Future Continuous Tense
Future Continuous Tense คือ กาลอนาคตที่ใช้พูดถึงการกระทำ หรือเหตุการณ์ในอนาคตที่คาดว่าจะกำลังดำเนินอยู่ในช่วงวันเวลาที่ระบุเอาไว้ โดยเป็นการแสดงแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
- โครงสร้าง: Subject + will/shall + be + V.ing
- ตัวอย่าง:
- This time tomorrow, I will be flying to Bangkok. (ในเวลาเดียวกันของวันพรุ่งนี้ ฉันกำลังบินไปกรุงเทพฯ)
- They will be playing football next Sunday. (พวกเขาจะกำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ในวันอาทิตย์หน้า)
3. Future Perfect Tense
Future Perfect Tense คือ กาลอนาคตที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่คาดว่าจะดำเนินไปจนเสร็จสิ้น ภายในระยะเวลาที่ระบุไว้
- โครงสร้าง: Subject + will/shall + have + V.3
- ตัวอย่าง:
- By next year, I will have finished my studies. (ภายในปีหน้า ฉันจะเรียนจบแล้ว)
- They will have built the new house by the end of the year. (พวกเขาจะสร้างบ้านหลังใหม่เสร็จภายในสิ้นปี)
4. Future Perfect Continuous Tense
Future Perfect Continuous Tense คือ กาลอนาคตที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะดำเนินไปในอนาคตอย่างต่อเนื่อง และจะยังคงดำเนินต่อไปในระยะเวลาที่ระบุไว้
- โครงสร้าง: Subject + will/shall + have + been + V.ing
- ตัวอย่าง:
- We will have been living in this house for ten years next year. (ในปีหน้า พวกเราจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มา 10 ปีแล้ว)
- They will have been playing tennis for an hour by the time the coach arrives. (เมื่อโค้ชมาถึง พวกเขาจะเล่นเทนนิสมาเป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว)
แชร์เทคนิค ! สังเกตคำบ่งชี้เวลา เพื่อเลือกใช้ Tense ได้ง่ายขึ้น
การใช้ Future Tense อาจดูซับซ้อน แต่ยังมีข้อสังเกตเล็กน้อยเกี่ยวกับคำที่บ่งชี้เวลาที่จะช่วยให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมและมั่นใจมากยิ่งขึ้น ดังนี้
- คำที่บ่งบอกเวลาในอนาคต: tonight, tomorrow, next week, soon
- มักใช้กับ Future Simple
- ตัวอย่าง: “I will call you tomorrow.” (ฉันจะโทรหาคุณพรุ่งนี้)
- คำที่บ่งบอกช่วงเวลา: this time tomorrow, at 8 pm
- มักใช้กับ Future Continuous
- ตัวอย่าง: “At 5 pm, I will be watching a movie.” (ในตอน 5 โมงเย็น ฉันจะกำลังดูหนังอยู่)
- คำที่บ่งบอกการเสร็จสิ้น: by, by the time
- มักใช้กับ Future Perfect หรือ Future Perfect Continuous
- ตัวอย่าง: “By the time she arrives, I will have finished cooking.” (ก่อนที่เธอจะมาถึง ฉันจะทำอาหารเสร็จแล้ว), “By next year, I will have been studying English for 5 years.” (ถึงปีหน้า ฉันจะเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว)
การเลือกใช้ Future Tense ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการสื่อถึงเหตุการณ์ในอนาคตแบบใด ซึ่งจะต้องใช้ความเข้าใจ เทคนิคในการเรียนรู้ รวมถึงการจดจำที่แม่นยำ สำหรับใครที่ลองศึกษาแล้วยังสับสน ขอแนะนำการเรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา ที่ AUA เพื่อพัฒนาทักษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีตั้งแต่ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเบื้องต้น ไปจนถึงการเขียน อ่าน ให้เหมาะกับจุดประสงค์โดยเฉพาะ ทำให้สามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตจริงได้ ทั้งในที่ทำงาน สถานศึกษา การสอบ รวมถึงในชีวิตประจำวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ LINE OA: @aualc
ข้อมูลอ้างอิง:
- Future Tense: Meaning, Different Types, Usage and Useful Examples. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 จาก https://eslgrammar.org/future-tense/