เชื่อว่าหนึ่งในความยากของการเรียนภาษาอังกฤษคงหนีไม่พ้นเรื่องกาล หรือ Tense เนื่องจากภาษาอังกฤษมี Tense มากมายสำหรับใช้สื่อสารถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งหนึ่งในกาลที่สำคัญและพบเจอได้บ่อยก็คือ Present Perfect Tense ซึ่งเป็นกาลที่เชื่อมโยงอดีตเข้ากับปัจจุบัน ทำให้สามารถพูดถึงประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและยังคงมีความเกี่ยวเนื่องกับปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
Present Perfect Tense คืออะไร ?
Present Perfect Tense คือ กาลที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ยังมีผลกระทบต่อปัจจุบัน โดยทั่วไปจะใช้กับประโยคที่ต้องการเน้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าช่วงเวลา โดยมีโครงสร้าง ดังต่อไปนี้
- ประโยคบอกเล่า: Subject + have/has + V.3 (Past Participle)
- ตัวอย่าง: I have finished my homework. (ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว)
- ประโยคปฏิเสธ: Subject + have/has + not + V.3
- ตัวอย่าง: She has not seen the movie yet. (เธอยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้)
- ประโยคคำถาม: Have/Has + Subject + V.3?
- ตัวอย่าง: Have you finished your homework? (คุณทำการบ้านเสร็จหรือยัง?)
โดยการใช้ Present Perfect นั้นสามารถครอบคลุมได้ทั้งการพูดถึงประสบการณ์ในอดีต เช่น “I have visited London.” หรือการพูดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ เช่น “They have just arrived.”
เปรียบเทียบ Present Perfect กับ Tense อื่น
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนและเข้าใจการใช้ Present Perfect Tense ได้ดีขึ้น ต้องลองมาทำความรู้จักกับ Tense ตัวอื่นควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่ม Present Tense ซึ่งประกอบไปด้วย Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Continuous Tense ดังนี้
1. Present Simple Tense คืออะไร ?
Present Simple Tense ใช้เพื่อบอกถึงข้อเท็จจริง เหตุการณ์ที่เป็นกิจวัตร หรือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงสร้างคือ Subject + V.1 เช่น “I play tennis every Sunday.” หมายถึง ฉันเล่นเทนนิสทุกวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทำอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยการใช้ Present Simple จะเน้นไปที่เหตุการณ์ที่เป็นจริง หรือเกิดขึ้นเป็นปกติ
2. Present Continuous Tense คืออะไร ?
Present Continuous Tense ใช้เพื่อบอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ หรืออาจจะใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตที่มีการวางแผนไว้แล้ว โดยมีโครงสร้างคือ Subject + is/am/are + V.ing เช่น “She is cooking dinner.” หมายถึงเธอกำลังทำอาหารอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นเวลาปัจจุบัน โดยการใช้ Present Continuous จะเน้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาปัจจุบัน ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับอดีต
3. Present Perfect Continuous Tense คืออะไร ?
Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกถึงเหตุการณ์ที่เริ่มในอดีตและยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเน้นความยาวนาน หรือระยะเวลาของการดำเนินของเหตุการณ์ โดยมีโครงสร้างคือ Subject + have/has + been + V.ing เช่น “I have been working here for five years.” หมายถึงทำงานที่นี่มาเป็นเวลาห้าปีแล้วและยังคงทำงานอยู่ ซึ่งความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Present Perfect และ Present Perfect Continuous คือ Present Perfect เน้นผลของเหตุการณ์ ส่วน Present Perfect Continuous จะเน้นไปที่ระยะเวลาของเหตุการณ์
จำง่าย ! แจกเทคนิคในการเลือกใช้ Present Tense
- พิจารณาจุดประสงค์ของการสื่อสาร:
- ต้องการพูดถึงกิจวัตร ใช้ Present Simple
- ต้องการพูดถึงสิ่งที่กำลังทำ ใช้ Present Continuous
- ต้องการพูดถึงประสบการณ์ ใช้ Present Perfect
- ต้องการเน้นความต่อเนื่อง ใช้ Present Perfect Continuous
- สังเกตคำบ่งชี้เวลาในประโยค:
- Every day, usually เป็น Present Simple
- Now, at the moment เป็น Present Continuous
- Already, yet, ever เป็น Present Perfect
- For, since, how long เป็น Present Perfect Continuous
Present Perfect เป็น Tense ที่มีความสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษ เนื่องจากช่วยให้สามารถเชื่อมโยงอดีตเข้ากับปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง Present Perfect กับ Tense อื่น จะช่วยให้สามารถเลือกใช้ Tense ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมในทุกสถานการณ์ สำหรับใครที่อยากพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา ขอแนะนำคอร์สเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวผ่านทางออนไลน์ จาก AUA ที่สามารถเลือกเรียนได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ทั้งสำหรับวัยทำงาน ติวสอบ หรือการเขียนอย่างมืออาชีพ เพื่อให้สามารถใช้งานภาษาอังกฤษได้ดังต้องการ พิชิตเป้าหมายที่หวัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ LINE OA: @aualc
ข้อมูลอ้างอิง:
- What Is the Present Perfect Tense?. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 จาก https://www.grammarly.com/blog/grammar/present-perfect-tense/