เรียกได้ว่า “ไวยากรณ์ 12 Tense” คือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะไม่ว่าจะเป็นการพูด อ่าน เขียน หรือฟัง ก็จำเป็นที่เราต้องเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่กำลังสื่อสารว่าเกิดขึ้นเมื่อไร (กำลังดำเนินอยู่ หรือจะเกิดขึ้นในอนาคต) ซึ่งการเรียนรู้ Tenses เอาไว้ จะช่วยให้เราสามารถสื่อสารเรื่องเวลาได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ส่วนใครที่ได้ยินคำว่า Tenses แล้วอยากเบือนหน้าหนี เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยากและน่าเบื่อ อยากให้ลองเสียเวลาสัก 5 นาที แล้วเปิดใจอ่านบทความนี้ เพราะเราได้สรุปโครงสร้างของทั้ง 12 Tense มาให้แบบเข้าใจง่าย สามารถนำไปใช้ได้จริง ไม่แน่ว่าบทความนี้อาจจะทำการเรียนภาษาอังกฤษของคุณพัฒนาแบบก้าวกระโดดก็เป็นได้
ทำความรู้จัก Tenses
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ Tense กันก่อน Tense คือรูปแบบของกริยาที่ใช้ในการแสดงเวลาของเหตุการณ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา คือ
- อดีต (Past): ใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต
- ปัจจุบัน (Present): ใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเป็นความจริงทั่วไป
- อนาคต (Future): ใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในแต่ละช่วงเวลา (อดีต ปัจจุบัน อนาคต) จะถูกแบ่งย่อยออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่
- Simple: ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไป หรือเกิดเป็นประจำ โดยไม่เน้นระยะเวลา
- Continuous: ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่
- Perfect: ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและมีผลต่อปัจจุบัน
- Perfect Continuous: ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เริ่มในอดีตและยังคงดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน หรืออนาคต
สรุป ! การใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ
1. Present Simple
ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นข้อเท็จจริง กิจวัตรประจำวัน หรือนิสัย
- โครงสร้าง: Subject + V.1 (เติม s/es สำหรับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3)
- ตัวอย่าง:
- She works at a bank. (เธอทำงานที่ธนาคาร)
- The sun rises in the east. (ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)
2. Present Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ หรือกำหนดการในอนาคตอันใกล้
- โครงสร้าง: Subject + V. to be (is/am/are) + V.ing
- ตัวอย่าง:
- They are studying for the IELTS exam. (พวกเขากำลังเรียนเพื่อสอบ IELTS)
- She is watching TV now. (เธอกำลังดูทีวีอยู่ตอนนี้)
3. Present Perfect
ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังมีผลต่อปัจจุบัน
- โครงสร้าง: Subject + V. to have (have/has) + V.3
- ตัวอย่าง:
- I have lived in Bangkok for 5 years. (ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มา 5 ปีแล้ว)
- She has never been to Japan. (เธอไม่เคยไปญี่ปุ่น)
4. Present Perfect Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่เริ่มในอดีต กำลังดำเนินอยู่ และยังคงมีผลต่อปัจจุบัน
- โครงสร้าง: Subject + V. to have (have/has) + been + V.ing
- ตัวอย่าง:
- I have been studying English for three years. (ฉันเรียนภาษาอังกฤษมา 3 ปีแล้ว)
- It has been raining since morning. (ฝนตกมาตั้งแต่เช้า)
5. Past Simple
ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต
- โครงสร้าง: Subject + V.2 (Past Form)
- ตัวอย่าง:
- He visited Japan last year. (เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว)
- She bought a new car yesterday. (เธอซื้อรถใหม่เมื่อวานนี้)
6. Past Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรก ให้ต้องดำเนินไปพร้อมกัน รวมถึงใช้เพื่อแสดงว่ากำลังเกิดเหตุการณ์นั้นอยู่ในอดีต
- โครงสร้าง: Subject + was/were + V.ing
- ตัวอย่าง:
- They were playing soccer when it started to rain. (พวกเขากำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในขณะที่ฝนเริ่มตก)
- I was watching TV when the phone rang. (ฉันกำลังดูทีวีอยู่ตอนที่โทรศัพท์ดัง)
7. Past Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต
- โครงสร้าง: Subject + had + V.3
- ตัวอย่าง:
- When I arrived at the station, the train had already left. (เมื่อฉันไปถึงสถานี รถไฟก็ออกไปแล้ว)
- I had eaten dinner before I went to bed. (ฉันกินอาหารเย็นก่อนที่จะไปนอน)
8. Past Perfect Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าและดำเนินอยู่นาน ก่อนที่จะเกิดอีกเหตุการณ์หนึ่ง เน้นบอกเวลากำกับ
- โครงสร้าง: Subject + had + been + V.ing
- ตัวอย่าง:
- I had been working for 3 hours before my boss arrived. (ฉันทำงานมา 3 ชั่วโมงแล้วก่อนที่เจ้านายจะมาถึง)
- I had been waiting for her for an hour before she arrived. (ฉันรอเธอมาหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เธอจะมาถึง)
9. Future Simple
ใช้กับเหตุการณ์ที่ตัดสินใจในขณะที่พูด หรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
- โครงสร้าง: Subject + will + V.1
- ตัวอย่าง:
- I will go to the party tomorrow. (ฉันจะไปปาร์ตี้พรุ่งนี้)
- I will take the IELTS test next month. (ฉันจะสอบ IELTS เดือนหน้า)
10. Future Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต
- โครงสร้าง: Subject + will + be + V.ing
- ตัวอย่าง:
- This time tomorrow, I will be flying to Paris. (ฉันกำลังจะบินไปปารีสในเวลานี้ของพรุ่งนี้)
- They will be playing tennis at 5 p.m. (พวกเขาจะเล่นเทนนิสเวลา 5 โมงเย็น)
11. Future Perfect
ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเสร็จสิ้นก่อนเวลาที่กำหนดในอนาคต
- โครงสร้าง: Subject + will + have + V.3
- ตัวอย่าง:
- I will have finished my work by 5 p.m. (ฉันจะทำงานเสร็จภายในเวลา 5 โมงเย็น)
- By this time next year, I will have finished my studies. (ภายในปีหน้า ฉันจะเรียนจบแล้ว)
12. Future Perfect Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่ที่คาดว่าจะดำเนินไปต่อเนื่องจนถึงช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต
- โครงสร้าง: Subject + will + have + been + V.ing
- ตัวอย่าง:
- By the end of this year, I will have been studying English for 5 years. (เมื่อถึงสิ้นปีนี้ ฉันจะเรียนภาษาอังกฤษมาครบ 5 ปีพอดี)
- They will have been living in this house for ten years next year. (ปีหน้า พวกเขาจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มาสิบปีแล้ว)
การทำความเข้าใจโครงสร้างของทั้ง 12 Tense ถือเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากเร่งสปีดทักษะภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมสอบ IELTS นอกจาก 12 Tense ที่สรุปมาให้แบบเข้าใจง่ายแล้ว ยังสามารถเสริมความรู้ในการสอบเพิ่มเติมได้ที่คอร์สเตรียมสอบภาษาอังกฤษ IELTS ออนไลน์ จาก AUA ที่จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะเอาไปใช้ในสนามสอบได้ ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น เน้นทุกทักษะ เสริมทุกเทคนิคในการทำข้อสอบ เพื่อพิชิตเป้าหมายที่คาดหวัง พร้อมให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาในการเรียนและทุกขั้นตอนเกี่ยวกับการสอบโดยทีมงานมืออาชีพ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ LINE OA: @aualc
ข้อมูลอ้างอิง:
- 12 Verb Tenses in English Explained. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 จาก https://word.tips/grammar/verb-tenses/